ตลาดกระทิงและตลาดหมีคืออะไร แตกต่างกันยังไง?

ตลาดกระทิงและตลาดหมีคืออะไร แตกต่างกันยังไง?

อัปเดทแล้ว • 2024-05-28

ตลาดกระทิง

กระทิงจะขวิดคู่ต่อสู้แล้วยกเขาของมันขึ้น นักลงทุน ที่เรียกว่า "กระทิง" ก็ทำเช่นเดียวกัน - พวกเขาทำเงินจากราคาสินทรัพย์ที่สูงขึ้น ดังนั้นช่วงเวลาในตลาดที่นักลงทุนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเช่นนี้จะถูกเรียกว่า "ตลาด กระทิง" ในขณะที่ตลาดกระทิง มีความต้องการสินทรัพย์สูง, ทุกคนต้องการซื้ออะไรบางอย่าง, แล้วราคาก็ปรับตัวสูงขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง นักลงทุนเริ่มเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นตลอดไป จากนั้นการเติมเต็มคำทำนายก็เกิดขึ้น: มูลค่าของสินทรัพย์ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะความสำเร็จของธุรกิจ แต่เป็นเพราะศรัทธาของนักลงทุนว่ามันจะเติบโตต่อไปอีก

มี 12 ช่วงเวลาดังกล่าวในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง สิ่งสุดท้ายกำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือเศรษฐกิจโลกส่วนใหญ่เติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่วิกฤตการเงินในปี 2007-2009 และแม้แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาก็ไม่อาจหยุดตลาดกระทิงนี้ได้ มันเกิดขึ้นยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์

ตลาดหมี

ตลาด หมี เป็นช่วงเวลาที่ราคาสินทรัพย์ร่วงลงเป็นเวลานาน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มีการขนานามมันว่าหมี: สัตว์จำพวกนี้ชอบทำให้เหยื่อล้มลงแล้วฉีกเป็นชิ้นๆระหว่างการโจมตี "หมี" คือนักลงทุนที่ทำเงินจากราคาที่ร่วงลง 

ไม่มีคำจำกัดความที่ชัดเจนว่ามูลค่าของสินทรัพย์ควรลดลงไปถึงเท่าไหร่เพื่อให้ตลาดหมีเริ่มต้นขึ้น โดยปกติ นักลงทุนเชื่อว่าเป็นตลาดหมีในตอนที่ราคาร่วงลงอย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ใกล้ที่สุด และกระบวนการนี้ดำเนินต่อไปนานกว่าสองเดือน

น่าเสียดายที่วิกฤตการณ์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในวัฏจักรเศรษฐกิจ ไม่มีเหตุผลสากลสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้อาจเป็น "ฟองสบู่" ของตลาด, ปัญหาทางการเมืองและการทหาร, การชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ, และอื่นๆ การร่วงลงมักจะถูกทำให้รุนแรงขึ้นโดยตัวนักลงทุนเองที่ตอนแรกก็เชื่อว่าจะสำเร็จแต่สุดท้ายก็ตื่นตระหนก ส่งผลให้มีการเทขายสินทรัพย์, ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น, และราคาร่วงลง

ความแตกต่างระหว่างตลาดกระทิงและตลาดหมีคืออะไร?

การไหลของเงินทุน

เงินทุนไหลจากสินทรัพย์ปลอดภัยไปยังสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดกระทิงในตอนที่ เทรดเดอร์และนักลงทุนอยากเพิ่มความมั่งคั่งของตน ในทางกลับกัน นักลงทุนจะพยายามปกป้องเงินทุนของพวกเขาในช่วงที่ตลาดหมี ส่งผลให้พวกเขาต้องทิ้งสินทรัพย์เสี่ยงแล้วโอนเงินของพวกเขาไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย

อัตราดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ยต่ำมักมาพร้อมกับตลาดกระทิง มันเกิดขึ้นเพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำทำให้สินเชื่อมีราคาไม่แพงมากสำหรับธุรกิจและนักลงทุนรายย่อย ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจจึงสามารถเติบโตได้ และนักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อหุ้นของบริษัทต่างๆ และผลักดันราคาให้สูงขึ้นได้

ประสิทธิภาพของ GDP

อัตราการเติบโตของ GDP ที่สูงมักจะมาพร้อมกับตลาดกระทิง ในขณะที่ตลาดหมีมีความสัมพันธ์กับอัตราการเติบโตที่ต่ำ อัตราการเติบโตของ GDP จะเร่งตัวขึ้นเมื่อผลการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น และพนักงานได้รับเงินเดือนที่สูงขึ้น ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

ในทางตรงกันข้าม เมื่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง บริษัทต่างๆจะได้รับรายได้น้อยลง นักลงทุนก็จะเทขายหุ้น แล้วตลาดหุ้นก็จะประสบปัญหา

จะทำอย่างไรเมื่อตลาดเป็นกระทิง?

นักลงทุนจะมีคำพูดติดปาก: "ใครๆก็เป็นอัจฉริยะในตลาดที่กำลังเติบโต" มันจริงบางส่วนเพราะการกำไรเป็นเรื่องง่ายในตอนที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่เติบโตขึ้น อย่างไรก็ตาม มีการแข่งขันกันเพื่อให้ได้ขนาด 10 หรือ 30% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมเรื่องความผันผวน ตลาดสามารถผันผวนได้ และเป็นการยากที่จะคาดเดาว่าจุดต่ำสุดของราคาอยู่ตรงไหนและราคาสูงสุดจะอยู่ตรงไหน เทรดเดอร์อาจลองเสี่ยงและพยายามคว้ารางวัลแจ็คพอต หรือคุณอาจทำกำไรไปแบบช้าๆ พิจารณาจากระดับความเสี่ยงและความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น ก็จะมีสองสามกลยุทธ์ที่สามารถใช้ได้

ซื้อแล้วถือ

เป็นกลยุทธ์ที่คลาสสิกและใครๆก็ฝช้งานได้ ความหมายก็ตรงตัวเลย อ่านการวิเคราะห์, ดูตัวชี้วัด, เลือกบริษัทที่คู่ควรและมั่นคง, ซื้อหุ้น, แล้วเก็บไว้ในพอร์ตจนกว่าจะถึงเป้าหมายไม่ว่าในภายหลังจะเกิดอะไรขึ้นในตลาดก็ตาม

ตัวเลือกนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการทำกำไรในเร็วๆนี้ หรือใช้ชีวิตเพื่อการลงทุนเท่านั้น กลยุทธ์นี้จะยังคงใช้ได้ผลดีในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอีกทศวรรษข้างหน้า

ตัวอย่างเช่น Warren Buffett ที่เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ได้ซื้อหุ้น Coca-Cola ในปี 1988 และยังคงถือหุ้นอยู่ เป็นเวลา 33 ปี ที่การลงทุนได้สร้างผลกำไร 1553% ไม่รวมเงินปันผล

ซื้อตอนปรับฐาน

ไม่ว่าตลาดจะเร่งรีบแค่ไหน การปรับฐานย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปรับฐานจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ราคาสินทรัพย์ลดลงสองสามเปอร์เซ็นต์ และบางครั้งอาจลดลง 15-20% โดยปกติราคาจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่นักลงทุนบางคนก็รอแล้วเข้าซื้อสินทรัพย์ในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างแม่นยำเพราะจะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น

ใช้เลเวอเรจ

เทรดเดอร์, ผู้เข้าร่วมระดับมืออาชีพในตลาดหุ้น ต่างก็ใช้กลยุทธ์นี้ ประเด็นคือในการลงทุนไม่เพียงแต่ใช้เงินของคุณเองเท่านั้น แต่คุณยังสามารถยืมเงินจากโบรกเกอร์ได้อีกด้วย มันเป็นวิธีที่เสี่ยง เทรดเดอร์ไว้ใจได้ว่าหุ้นจะโตขึ้น 10-15% แล้วจากนั้นมันจะเติบโตเพียง 2% มันยังคงเป็นการซื้อขายที่ได้กำไร แต่ก็มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ไม่ดี การซื้อ พันธบัตร จะง่ายกว่าหากต้องการได้ผลลัพธ์เดียวกัน

ควรทำอย่างไรดัในตลาดหมี?

อย่าตื่นตระหนกและห้ามขายทรัพย์สิน

"ตลาดหมี" ไม่ได้เป็นนิรันดร์ วันหนึ่งเศรษฐกิจจะเริ่มเติบโตอีกครั้ง และมูลค่าของสินทรัพย์ก็จะกลับคืนมา ดังนั้นจะดีกว่าที่จะไม่ขายการลงทุนดีๆไปเปล่าๆ

การสูญเสียบนกราฟและเอกสารโบรกเกอร์นั้นเป็นแค่ "กระดาษ" ไม่ใช่ของจริง ความสูญเสียที่แท้จริงจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อนักลงทุนขายสินทรัพย์และเห็นเงินในบัญชีน้อยกว่าที่ลงทุน ก่อนหน้านี้ไม่เตยมีการสูญเสีย

นอกจากนี้ การเทขายออกอาจทำให้ตลาดตกต่ำเป็นเวลานาน ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตปี 2008 ดัชนีได้แตะระดับต่ำสุดเฉพาะในวันที่ 9 มีนาคม 2009 มากกว่าหนึ่งปีหลังจากการเริ่มต้นของภาวะถดถอย ดังนั้นอย่าตามนักลงทุนขี้ขลาดคนอื่นแล้วรีบขายทรัพย์สิน

แกล้งทำเป็นว่ามีการขายอยู่รอบๆ

กำไรเพิ่มเติมใน "ตลาดหมี" นั้นเป็นไปได้มากๆ ดังนั้นคุณต้องเลือกการลงทุนอย่างรอบคอบ หากนักลงทุนรู้ว่าเขา/เธอต้องการอะไร, เห็นบริษัทที่มีแนวโน้มทำกำไร, และคาดหวังผลกำไรไม่ใช่ในวันนี้แต่เป็นในอนาคต, จากนั้นตลาดหมีทุกแห่งก็เป็นของขวัญ มันเป็นโอกาสในการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพสูงในราคาที่ถูกกว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Warren Buffett แนะนำว่า: "จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว"

ในเวลาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงจุดต่ำสุดของ "ตลาดหมี" เพราะไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

ไม่ควรเดาแต่ควรเลือกเทคนิคการปรับขนาดคำสั่งซื้อ หากไม่คำนึงถึงราคาแล้ว คุณควรลงทุนในบริษัทที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ มันไม่ได้ทำกำไรได้เท่ากับการเดาจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดของราคา แต่มันเป็นเรื่องจริงมากกว่า

สรุป

ทั้งตลาดกระทิงและตลาดหมีต่างก็ให้โอกาสจำนวนมากในการทำกำไรแก่เทรดเดอร์ แต่หากต้องการใช้มันอย่างถูกต้อง เทรดเดอร์ต้องรู้ว่าพวกเขากำลังซื้อขายอยู่ในตลาดใด

"อืม นี่คือตลาดกระทิง คุณรู้ใช่มั้ย" - Edwin Lefèvre, "บันทึกความจำของผู้ค้าหุ้น"

ใบเสนอราคานี้มาจากหนังสือที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น นั่นหมายความว่าเทรดเดอร์ควรติดตามแนวโน้มทั่วโลกและมองหาการเปิด long ในตลาดกระทิง และเทรดเดอร์ที่มองหาการเปิด short ก็อยู่ที่ตลาดหมี

ในทางกลับกัน นักลงทุนระยะยาวจะรวบรวมตำแหน่งในตลาดหมีและทำกำไรจากตลาดกระทิงเมื่อราคาใกล้ระดับสูงสุด

หลายเครื่องมืออาจช่วยเทรดเดอร์กำหนดแนวโน้มได้ เครื่องมืออันหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดคือRSI oscillator 

โชคดีที่ FBS traders สามารถเปิดการซื้อขายได้ทั้งสองฝั่งโดยไม่ต้องคำนึงถึงพฤติกรรมของตลาด

คล้ายกัน

กลยุทธ์การเทรด Pin Bar
กลยุทธ์การเทรด Pin Bar

บางครั้งแผนภูมิหรือรูปแบบแท่งเทียนอาจให้สัญญาณเข้าที่ดีหากมันอยู่ที่ระดับที่แน่นอน pin bar เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนที่น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงที่สุด และเมื่อเทรดเดอร์เห็นมันบนแผนภูมิ พวกเขาก็คาดว่าราคาคงจะเปลี่ยนแปลงทิศทางในไม่ช้า

จะเทรดโดยใช้รูปแบบแท่งเทียน Doji ได้อย่างไร?
จะเทรดโดยใช้รูปแบบแท่งเทียน Doji ได้อย่างไร?

แท่งเทียน Doji เปรียบเสมือนนกหายาก แต่ถ้าคุณจับมันได้ มันก็อาจเป็นโอกาสที่ดีที่จะจับจุดเข้าเทรดในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้ บทความนี้จะอธิบายว่าแท่งเทียน Doji คืออะไร คุณจะได้รับกลยุทธ์ของ Doji ที่สามารถสร้างผลกำไรได้

คำถามที่พบบ่อย

  • จะเริ่มเทรดอย่างไร?

    หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ  

  • จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?

    คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย

  • จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?

    กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา

ฝากเงินกับระบบการชำระเงินในประเทศของคุณ

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera